ตลาดหุ้นเริ่มส่อเค้าความกังวลหากเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะส่งผลกระทบต่อกำไรของธุรกิจภาคเอกชนและการประเมินสินทรัพย์ไปในทิศทางใด
กาเบรียลา ซานโตส นักวางแผนกลยุทธ์ตลาดโลกแห่ง เจพี มอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์รายการ เดอะ เฟิร์ส เทรด ของ ยาฮู ไฟแนนซ์ ว่า การเลือกตั้งค่อนข้างกระทบต่อผลประกอบการรายวันของตลาด ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ว่าพรรคเดโมแครตจะกวาดคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาสนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาษีเงินได้ภาคเอกชนรวมไปถึงการคาดการณ์รายได้ในอนาคต และข้อกฎหมายที่จะนำมาปรับใช้ในแต่ละภาคอุตสาหกรรม หากพรรคเดโมแครตกวาดคะแนนเสียงได้จริง
ผลโพลเลือกตั้งจาก เดอะ นิวยอร์ค ไทม์ส และ เซียน่า คอลเลจ ประจำสัปดาห์นี้ ระบุว่าอดีตรองประธานาธิบดีไบเดนมีคะแนนเสียงนำประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ 14 คะแนน ส่วนโพลอื่นๆ เช่น โพลชื่อดังของ เนท ซิลเวอร์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสรุปว่าคะแนนของไบเดนจะนำโด่งในเดือนพฤศจิกายน
ฐานข้อมูลของยาฮู ไฟแนนซ์ พรีเมี่ยมได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจจากผลการสำรวจคะแนนเสียงซึ่งอ้างอิงจากผลงานการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นหลัก คือ ตลาดหุ้นกลับมามีความผันผวนมากยิ่งขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ซบเซาอยู่นานหลายเดือน ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และ ดัชนีอุตสาหกรรมดาว โจนส์ ปรับตัวลงเล็กน้อยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการกระเตื้องขึ้นเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ที่ตลาดหุ้นตกต่ำเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
อย่างไรก็ดีนักลงทุนต่างยังมีความกังวลไม่น้อยในช่วงรอยต่อ หากโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของกฎหมายภายใต้การนำของไบเดนแล้ว ยังมองว่าไบเดนได้เคยมีความพยายามที่จะแก้ข้อกำหนดการลดภาษีในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี โดยหวังปรับฐานอัตราภาษีตามกฎหมายขึ้นเป็น 28%
“แนวโน้มที่น่าสนใจอีกอย่างเมื่อพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้การเลือกตั้งในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ มักจะส่งผลให้ผลประกอบการของตลาดหุ้นตกต่ำลงในช่วงครึ่งปีหลังเสมอ และแนวโน้มดังกล่าวน่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญนับตั้งแต่นี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง” ทิม เฮย์ส หัวหน้านักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกของ เนด เดวิส รีเสิร์ช กล่าว
รายงานข้อมูลจากฟิเดลิตี้ตั้งแต่ปี 1789 จนถึงปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าในช่วงสองปีแรกที่พรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่ง ผลประกอบการของตลาดเพิ่มขึ้น +8.3% เปรียบเทียบกับสมัยพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งที่ผลประกอบการของตลาดเพิ่มขึ้น +5.8% และเมื่อพรรครีพับลิกันกวาดคะแนนเสียงทั้งสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ผลประกอบการของตลาดหุ้นในช่วงสองปีแรกจะสูงขึ้นถึง 12.2% เมื่อเทียบกับการกวาดคะแนนเสียงของพรรคเดโมแครตที่ส่งผลให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นเพียง 3.4%
แม้ว่าการชนะการเลือกตั้งของไบเดนอาจไม่ส่งผลร้ายต่อพอร์ตหุ้นของนักลงทุนในทันที แต่สินทรัพย์บางประเภทอาจมีผลประกอบการที่ตกต่ำลง นักลงทุนจึงต้องเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนในสถานการณ์ดังกล่าว
ที่มา: Yahoo Finance
"ถ้า" - Google News
June 26, 2020 at 05:21PM
https://ift.tt/3dy5j3u
พอร์ตหุ้นพุ่งหรือพับ จับตาเลือกตั้งสหรัฐ ถ้า'โจ ไบเดน'เป็นประธานาธิบดี - Businesstoday
"ถ้า" - Google News
https://ift.tt/2BjqBEF
Home To Blog
No comments:
Post a Comment