Pages

Wednesday, June 24, 2020

คอลัมน์โลกธุรกิจ - ถ้าไทยจะพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ ต้องสร้างโอกาสให้'SME-เกษตรกร'เข้มแข็ง - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

gentongempal.blogspot.com

nn ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกแบบนี้...หลายประเทศทั่วโลกปรับโมเดลปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของตัวเองใหม่...โดยกลับมาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศตัวเองเป็นหลัก....เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่ตอนนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล...ก็มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานทางเศรษฐกิจกลับมาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก...และสำหรับประเทศไทยเมื่อพูดถึง “เศรษฐกิจในประเทศ”...ก็ต้องโฟกัสไปที่ วิสาหกิจขนาดย่อม (SME) ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 90% วิสาหกิจทั้งประเทศ...และกลุ่มพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ....

ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมา SME และกลุ่มเกษตรกร ของไทยยังอ่อนแอเพราะขาดโอกาสในหลายๆ ด้าน และด้วยในภาวะที่การระบาดจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และขยายออกไปเป็นวงกว้าง...กลุ่ม SME และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางและน่าเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ ดั้งนั้นหากจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเข้มแข็งขึ้นและเป็นที่พึ่งพาในการประคองภาพรวมของเศรษฐกิจไทยไม่ให้ทรุดหนักไปกว่าประเทศอื่น...ก็ต้องทำให้ SME และกลุ่มเกษตรกรเข้มแข้ง ด้วยการให้พวกเขาได้มีโอกาสได้เข้าถึงปัจจัยที่จำเป็นในหลายด้าน...เช่นในเรื่องของเงินทุน ซึ่งตอนนี้เห็นวงเงินอยู่ตรงหน้า 5 แสนล้านบาท (ของแบงก์ชาติ) ก็หวังว่าจะทลายข้อจำกัดต่างๆ จนเม็ดเงินเหล่านี้กระจายลงถึงมือ SME อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว


นอกจากโอกาสด้านเงินทุนแล้ว...อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ ก็คือ โอกาสทางด้านการตลาด...ที่ผ่านมามี SME จำนวนไม่น้อยเลยที่สามารถผลิตสินค้า
ที่มีคุณภาพสูงออกมา รวมทั้งพี่น้องเกษตรกร ที่สามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัย รวมทั้งสินค้าเกษตรแปรรูป ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและลดปัญหาสินค้าล้นตลาดในช่วงฤดูการผลิต...แต่ก็ต้องประสบปัญหาในการด้านการตลาด ไม่สามารถเข้าถึงช่องทางการขายที่ดีและหลากหลายได้ สุดท้ายก็ถูกพ่อค้าคนกลางเข้าไปกดราคารับซื้อ

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า 1-2 ปีมานี้มีความพยายามจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน จะร่วมกันเร่งแก้ปัญหา ด้วยการจัดหาสถานที่จำหน่ายสินค้าของ SMEสินค้าทางการเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อให้สินค้าเหล่านี้ถึงผู้บริโภคโดยตรงและแพร่หลายมากขึ้นตัวอย่างที่เห็นก็ เช่น สถานีบริการน้ำมัน หลายแบรนด์ หรือห้างโมเดิร์นเทรด ทั้ง 3-4 แบรนด์ที่มีอยู่ตอนนี้ ซึ่งเมื่อนับรวมจำนวนสถานที่ก็น่าจะมีอยู่หลายพันแห่ง

ถึงอย่างนั้น...ด้วย SME ของไทยที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย และกลุ่มเกษตรกรที่มีอยู่กว่า 10 ล้านครอบครัว...เราจึงจำเป็นต้องหาช่องทางการตลาดให้พวกเขามากกว่านี้อีกมาก...ล่าสุด...โลกการค้า...เห็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับ พี่น้อง SME และเกษตรกรไทย...นั่นคือบมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย ได้ประกาศตอกย้ำนโยบาย “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” โดยได้ส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ที่ผลิตสินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน...โดย ซีพี ออลล์...จะเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ SME มีโอกาสส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคโดยตรงผ่านร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ (1 หมื่นสาขา) และผ่านช่องทางของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งจำหน่ายสินค้าผ่านนิตยสารทเวนตี้โฟร์ แคตตาล็อก ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ และอี-คอมเมิร์ซ

ปัจจุบัน ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้งได้ช่วยเป็นช่องทางการตลาด สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีหลายประเภท ซึ่งล้วนแล้วได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เช่น ผลไม้แปรรูป, เครื่องดื่ม, เบเกอรี่, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ฯลฯ ซึ่งสินค้าเกษตรแปรรูป รวมถึงสินค้าที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตรของกลุ่มธุรกิจ SME จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับสินค้าที่จะเข้ามาเสนอขายผ่านร้านเซเว่นฯ และช่องทางของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้งนั้น ขอเพียงเป็นสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานสินค้า ได้รับเครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานราชการ เช่น อย. เครื่องหมายรับรองมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ มอก. ก็สามารถติดต่อเข้าไปได้

โลกการค้า...ขอยกตัวอย่างสินค้าเกษตรแปรรูปที่เห็นใน 7-11 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก...อาทิเช่น ผลไม้แช่อิ่ม “เสวย” ซึ่งตอนนี้โด่งดังเป็นที่รู้จัก และมียอดจำหน่ายถึงปีละ 50 ล้านบาท จากเดิมที่เป็นครอบครัวเกษตรกร เช่าที่ทำสวนผลไม้ ผ่านวิกฤติมาหลายครั้งจนเกือบจะไม่รอด แต่ด้วยโอกาสที่ได้รับจากซีพี ออลล์ ทำให้ทุกวันนี้มีโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน ได้ช่วยรับซื้อสินค้าเกษตร จากพี่น้องชาวสวนปีละหลายพันตัน ช่วยให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ทุกเพศทุกวัยกว่า 50 ชีวิต ที่สำคัญที่สุดคือได้ช่วยขยายผลปณิธานของคำว่า “แบ่งปันโอกาสให้กับทุกคน”

อีกหนึ่งตัวอย่างคือ “กล้วยหอมทอง” เป็นอีกหนึ่งผลผลิตทางการเกษตร ที่กลุ่มสหกรณ์การเกษตรท่ายาง....กล้วยหอมทองลูกเดี่ยว ที่เห็นอยู่ในร้านเซเว่นฯ เกิดจากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคและนำมาต่อยอดจนทำให้เป็นธุรกิจที่โอบอุ้มเกษตรกรให้มีรายได้ที่มั่นคง โดยนายมานะ บุญสร้าง หัวหน้าฝ่ายการตลาด สหกรณ์การเกษตรท่ายาง จำกัด เล่าว่า ในปี 2556 ได้สังเกตเห็นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปเน้นซื้อสินค้าคุณภาพ สะดวก รวดเร็วและพร้อมรับประทานได้ทันที การขายกล้วยเป็นหวี ทำให้ผู้บริโภคหลายคนรับประทานไม่ทัน จึงได้ลองเสนอขายกล้วยหอมทองในร้านเซเว่นฯ แบบบรรจุใส่ถุงเป็นลูกเดี่ยว ซึ่งกล้วยหอมทองที่ส่งนี้จะอยู่หน้าร้านได้ประมาณ 2-3 วัน ปรากฏว่าขายดี จึงได้ส่งขายต่อเนื่องและขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันส่งกล้วยหอมทองจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นฯ จำนวน 50,000 ลูกต่อวัน ทำให้เกษตรกรในท้องถิ่นที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์กว่า 350 รายมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในเรื่องของรายได้แล้วก็ในรูปของสุขภาพเพราะปลูกแบบปลอดสารพิษ

วันนี้หลายคนที่เดินเข้า 7-11 แล้วเห็นชั้นวางจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกมาอีกชั้นหนึ่งมีสินค้าทางการเกษตรมากมายหลายชนิดตามฤดูกาลวางจำหน่าย อยู่ตอนนี้ เช่น ส้ม แตงโม เงาะ สาลี่แอปเปิ้ล ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะพูดแซวๆ ว่า7-11 จะขายทุกอย่างเลย....แต่จงคิดอีกมุมว่าลูกค้าที่เดินเข้า 7-11 เป็นคนละกลุ่มกับที่เดินเขาตลาดสด และสินค้าเกษตรเหล่านี้ก็ขายดี ขายได้ในราคาที่ยุติธรรมสำหรับลูกค้า และที่สำคัญทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น สินค้าที่ผลิตได้มีสถานที่จำหน่ายกระจายออกไปได้อย่างกว้างขวาง ไม่ต้องเจ็บปวดกับการถูกพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้ออีกต่อไป

กระบองเพชร

Let's block ads! (Why?)



"ถ้า" - Google News
June 24, 2020 at 04:00PM
https://ift.tt/3ey9ldw

คอลัมน์โลกธุรกิจ - ถ้าไทยจะพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ ต้องสร้างโอกาสให้'SME-เกษตรกร'เข้มแข็ง - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"ถ้า" - Google News
https://ift.tt/2BjqBEF
Home To Blog

No comments:

Post a Comment