หุ้นเด่นวันนี้
4 สิงหาคม 2563 | 09:29
ราคาหุ้น บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดซื้อขายวานนี้ (3 ส.ค.63) พุ่งทำจุดสูงสุดของวันด้วยราคา 9.65 บาท ทำนิวไฮรอบ 2 ปี 5 เดือน ตามทิศทางดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ที่กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง แต่ช่วงก่อนตลาดหุ้นไทยปิดซื้อขาย ถูกแรงเทขายทำกำไรกดราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 9.25 บาท
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า PRM จะรายงานกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/63 ที่ 329 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติกำไรสุทธิสูงสุดใหม่รายไตรมาส ขณะที่รายได้คาดว่าจะทำได้ 1.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 23.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุที่ทำให้ PRM จะรายงานกำไรสุทธิสูงสุดใหม่รายไตรมาส ในช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องจากการปรับขึ้นค่าบริการเรือเก็บน้ำมันกลางทะเล (FSU) ราว 20% จำนวน 6 ลำ จากจำนวนเรือทั้งหมด 8 ลำ ซึ่งเป็นตัวหนุนสำคัญที่เข้ามาช่วยชดเชยการอ่อนตัวลงของธุรกิจอื่นๆที่ปริมาณการขนส่งลดลง
เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่คาดว่า PRM จะรายงานกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/63 ที่ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้คาดอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากการปรับราคาให้บริการกลุ่มเรือ FSU ขึ้นราว 20%
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนการลงทุนกองเรือเพิ่มอีกจำนวน 2 ลำ (เดิมมี 41 ลำ) แบ่งเป็นเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศจำนวน 1 ลำ และเรือในกลุ่มธุรกิจ FSU อีกจำนวน 1 ลำ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้ามาประจำการได้ภายในครึ่งปีหลัง โดยเรือ 2 ลำที่จะรับเข้ามาใหม่ดังกล่าว บริษัทได้เจรจากับลูกค้าเพื่อรองรับการใช้งานแล้ว
โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า เรือใหม่จำนวน 2 ลำ ที่ PRM จะลงทุนเพิ่มเข้ามา คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 64 แต่หาก PRM สามารถรับเรือใหม่เร็วขึ้นในปีนี้ จะมีผลบวกต่อกำไรสุทธิปี 63 เช่นกัน
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิช่วงครึ่งปีหลังขอ PRM จะดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากเรือ FSU เต็มที่ แม้ยังไม่มีการปรับค่าบริการจากเรืออีก 2 ลำขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ธุรกิจขนส่งในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการปลดล็อกการเดินทาง ส่งผลให้การใช้น้ำมันเริ่มดีขึ้น ซึ่ง 2 ธุรกิจดังกล่าว เป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้รวมกันมากกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมด
นายวิริทธิ์พล ระบุอีกว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 63 เป็นเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10-12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจ FSU ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% ทั้งหมด 8 ลำ รวมถึงการทยอยปรับราคาค่าบริการกลุ่มเรือดังกล่าวด้วย
ขณะที่ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า หลังจากได้พูดคุยกับทางผู้บริหาร PRM พบว่า ธุรกิจของ PRM ดีกว่าที่คาดไว้จากเดิม โดยธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศถูกกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเดือนเม.ย.63 เพียงเดือนเดียว, ธุรกิจจัดเก็บน้ำมันในประเทศยังมีช่องว่างให้เติบโต จากทั้งการเพิ่มเรือและการปรับค่าบริการขึ้น เพราะโครงสร้างตลาดยังเป็นอุปสงค์ส่วนเกิน และการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายทำได้ดีกว่าคาดไว้มาก
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มั่นใจว่ากำไรสุทธิปี 63 ของ PRM จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมั่นใจว่าความต้องการใช้ของลูกค้ายังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ของ PRM ขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีความเห็นตรงกันคือแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของ PRM จะเติบโตขึ้นมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากความต้องการลูกค้าที่ยังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มจำนวนกองเรือ โดยหากเพิ่มเข้ามาได้เร็วก็อาจรับรู้รายได้ในปีนี้เลย
10.85
ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment